วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

บทความสินค้าส่งออก

นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นยังมีความต้องการนำเข้าผักจากไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผัก GAP หากมีความเข้มงวดในเรื่องคุณภาพและการตรวจสอบย้อนกลับ ซึ่งผักของไทยมีศักยภาพในการแข่งขันเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง เช่นฟิลิปปินส์ และจีน และจากการศึกษาศักยภาพพืชผักส่งออกในตลาดญี่ปุ่น กรณีกระเจี๊ยบเขียว หน่อไม้ฝรั่ง และข้าวโพดฝักอ่อน ในปี 2551 พบว่า ผักสดที่ส่งออกไปญี่ปุ่นต้องมาจากแปลง GAP และโรงงาน GMP ที่ผ่านการรับรองจากกรมวิชาการเกษตร อยู่ภายใต้ระบบตรวจสอบย้อนกลับ และขนส่งทางอากาศเท่านั้น โดยค่าใช้จ่ายในการส่งออกของกระเจี๊ยบเขียว หน่อไม้ฝรั่ง และข้าวโพดฝักอ่อนเฉลี่ยกิโลกรัมละ 118.52 บาท 168.52 บาทและ146.52 บาท ตามลำดับ ค่าใช้จ่ายในการนำเข้าเฉลี่ยกิโลกรัมละ 167.57 บาท 226.78 บาท และ 198.76 บาท ตามลำดับ สำหรับช่องทางการกระจายสินค้าในญี่ปุ่น ร้อยละ 60 กระจายไปรอบๆ กรุงโตเกียวและโอซากา ส่วนที่เหลือกระจายไปทุกจังหวัด สำหรับรสนิยม และพฤติกรรมการบริโภคผักของชาวญี่ปุ่น จะนิยมซื้อกระหล่ำปลีมากที่สุด และนิยมซื้อผักที่ผลิตในประเทศมากที่สุด รองลงมาคือไทย จีน ฟิลิปปินส์ และไต้หวัน
ปัจจัยที่สำคัญในการเลือกซื้อผักจากไทยคือ คุณภาพ รองลงมาคือประโยชน์ต่อสุขภาพ รสชาติ และราคา โดยไทยมีความได้เปรียบโดยเปรียบเทียบในการส่งออกหน่อไม้ฝรั่งมากที่สุดเมื่อ เทียบกับคู่แข่งคือออสเตรเลีย และฟิลิปปินส์และครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่งเฉลี่ยร้อยละ 28 สำหรับความเชื่อมโยงของราคาขายส่งหน่อไม้ฝรั่งระหว่างตลาดขายส่งกรุงเทพฯ และตลาดขายส่งโตเกียวพบว่าทั้ง
2 ตลาดมีความเชื่อมโยงกันแต่ไม่ได้กำหนดราคาซึ่งกันและกัน
          อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผักทั้ง 3 ชนิดของไทยจะมีศักยภาพในการส่งออกไปญี่ปุ่น แต่ปัญหาที่สำคัญ คือ คุณภาพเมื่อถึงปลายทางลดลงและค่าใช้จ่ายในการขนส่งสูง ดังนั้น ทาง สศก. จะเร่งดำเนินการวางแผนเพื่อพัฒนาระบบโลจิสติกส์ในประเทศให้ครบวงจร และเร่งรัดประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการด้านมาตรฐานคุณภาพ สินค้าเกษตรและอาหาร เพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในตลาดญี่ปุ่น



 วิเคราะห์   Swot
จุดแข็ง
  • ผักของไทยมีศักยภาพในการแข่งขันเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง เช่นฟิลิปปินส์ และจีน และจากการศึกษาศักยภาพพืชผักส่งออกในตลาดญี่ปุ่น กรณีกระเจี๊ยบเขียว หน่อไม้ฝรั่ง และข้าวโพดฝักอ่อน  ผักจากไทย จะมีคุณภาพ รองลงมาคือประโยชน์ต่อสุขภาพ รสชาติ และราคา โดยไทยมีความได้เปรียบโดยเปรียบเทียบในการส่งออกหน่อไม้ฝรั่งมากที่สุดเมื่อ เทียบกับคู่แข่งคือออสเตรเลีย และฟิลิปปินส์และครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่งเฉลี่ยร้อยละ 28 สำหรับความเชื่อมโยงของราคาขายส่งหน่อไม้ฝรั่งระหว่างตลาดขายส่งกรุงเทพฯ และตลาดขายส่งโตเกียวพบว่าทั้ง 2 ตลาดมีความเชื่อมโยงกันแต่ไม่ได้กำหนดราคาซึ่งกันและกัน
จุดอ่อน
  • คุณภาพเมื่อถึงปลายทางลดลงและค่าใช้จ่ายในการขนส่งสูง ระบบโลจิสติกส์ในประเทศไม่ครบวงจร
โอกาส
  • การส่งออกผักของไทยมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ด้วยคุณภาพผักของไทยที่ดี
  • ประเทศต่างๆให้ความสนใจกับผักไทย  เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น
อุปสรรค
  • คุณภาพเมื่อถึงปลายทางลดลงและค่าใช้จ่ายในการขนส่งสูง ดังนั้น ทาง สศก. จะเร่งดำเนินการวางแผนเพื่อพัฒนาระบบโลจิสติกส์ในประเทศให้ครบวงจร และเร่งรัดประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการด้านมาตรฐานคุณภาพ สินค้าเกษตรและอาหาร เพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในตลาดญี่ปุ่น


ที่มา


 

20 ความคิดเห็น:

  1. พื้นหลังสวยดี

    เนื้อหาสั้นอ่านเข้าจัยง่าย

    ตอบลบ
  2. เนื้อหาอ่านเข้าใจง่าย

    สั้นๆกระทัดรัดดี

    ตอบลบ
  3. พื้นหลังสวย

    เนื้อหากระทัดรัด อ่านง่าย

    ตอบลบ
  4. พื้นหลังสวยมากเลยครับ

    ตอบลบ
  5. เนื้อหาอ่านง่ายดีจ้ะ

    ตกแต่งสวย..

    ตอบลบ
  6. เนื้อหา ดี อ่านง่าย

    น่าสนใจดี

    ตอบลบ
  7. พื้นหลังสวยดี เนื้อหาก็ดี

    ตอบลบ
  8. เนื้อหา สั้น ได้ใจความดีค่ะ ^^

    ตอบลบ
  9. เนื้อหาเข้าใจง่ายดี

    ตกแต่งสวยงามจร้า

    ตอบลบ
  10. ดีค่ะ พื้นหลังสวยด้วย

    ตอบลบ
  11. เรียบง่าย สวยงาม^^ เริ่ดจ้าา

    ตอบลบ
  12. เรียบง่ายแต่ดูดีค่ะ ^^

    ตอบลบ